ขอนแก่น กล่าวว่า ด้วยมาตรการทางการแพทย์ที่ต้องเข้มงวดในการรักษาผู้ป่วยในภาวะของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ รพ. ฯทุกแห่งต้องหลีกเลี่ยงการพ่นยาแบบละอองฝอย ในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการพ่นยา ซึ่ง รพ. ขอนแก่น มีผู้ป่วยที่ต้องพ่นยาตามการรักษาด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ อยู่ที่ประมาณวันละ 200 ราย ดังนั้นเมื่อระบบเครื่องที่ติดตั้งอยู่ในอาคารรักษาหรือห้องตรวจต้องยุติการรักษาในระยะนี้ ทำให้การพ่นยาให้กับผู้ป่วยก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการมาใช้ในระบบการพ่นยาแบบพากพาแทน แต่ด้วยเครื่องดังกล่าวที่ รพ. ฯ มีอยู่จำกัด จึงได้หารือร่วมกันกับสภาวิชาชีพแพทย์ และตรวจสอบอุปกรณ์การพ่นยาที่สามารถผลิตขึ้นเองได้ จนกลายมาเป็นที่มาของเครื่องพ่นยาแบบพกพาที่ขณะนี้ รพ. ฯหลายแห่ง นั้นนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการพ่นยาให้กับผู้ป่วยแล้ว "เครื่องพ่นยาแบบพกพานั้นขณะนี้ รพ. ฯได้ผลิตขึ้น 2 รูปแบบคือแบบที่มีระบบวาล์วเปิด-ปิด คือการใช้ขวดน้ำดื่ม 600 มิลลิลิตร มาตัดบริเวณก้นขวดออกในระดับความสูงประมาณ 10-15 ซม. เพื่อให้สามารถใส่แก้วกระดาษเข้าไปได้ โดยที่แก้วกระดาษนั้น บริเวณก้นแก้วและด้านข้างของแก้วจะติดตั้งระบบวาล์วที่ทำกระดาษแข็งเพื่อให้เกิดระบบปิดและระบบเปิดขณะพ่นยา โดยยาที่ใช้ในการรักษานั้นก็มีการปรับเปลี่ยนมาในรูปแบบขวดกดแทน ขณะที่เครื่องพ่นยาแบบที่ 2 นั้นคือใช้ในกลุ่มที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ คือเครื่องพ่นแบบต่อตรง ด้วยการนำแก้วพลาสติกที่มีความแข็ง มาเจาะรูตรงกันแก้วเพื่อให้ใส่ท่อกดของตัวยาได้ ขณะที่บริเวณปากแก้วก็มีการตกแต่งให้พอเหมาะกับใบหน้าหรือไม่ต้องตกแต่งก็ได้ ซึ่งระบบดังกล่าวนี้เป็นการพ่นตรงให้กับผู้ป่วยแบบไม่ต้องผ่านระบบวาล์ว" นพ.
ปวดข้อ อาการกวนใจที่ปล่อยไว้ไม่ดีแน่! พาไปทำความรู้จักกับอาการปวดข้อ สาเหตุเกิดจากอะไร เมื่อเกิดขึ้นแล้วควรทำอย่างไรดี อ่านเพิ่ม ใจสั่น ใจหวิว เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่? ระวังให้ดีเพราะอาการใจสั่นที่เกิดขึ้น บางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนสุขภาพได้ เช็คก่อนสาย แพ้ยา (Drug Allergies) จะรับมืออย่างไร? เมื่อเราแพ้ยา อ่านเพิ่ม
สำหรับโรคหืด แนะนำดังนี้ งดการเป่าทุกชนิด เช่น spirometry, peak flow meter, exhaled nitric oxide เพราะทำให้เชื้อแพร่กระจายได้ แนะนำให้คนไข้ซื้อ peak flow ส่วนตัวแล้วเป่าที่บ้านทุกวัน การรักษาหืดกำเริบใน รพ. ให้งดพ่นยาชนิด nebulization ให้ใช้ MDI with spacer หากต้องให้ออกซิเจน มีชนิดที่มีท่อต่อให้ออกซิเจน (Thai kit spacer) แต่ให้เปิด low flow ไม่เกิน 3 ลิตรต่อนาที หรือ พ่น nebulization ในห้อง negative pressure คนไข้โรคหืดแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ เหมือนเดิม แต่ห่างจากวัคซีนโควิดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ช่วงนี้ให้ใช้ยาเหมือนเดิมไปก่อนนะคะ ไม่ควรลดหรือหยุดยา และถ้าคนไข้ไม่มีอาการกำเริบแนะนำให้นัดห่างเป็นทุก 6 เดือนได้คะ และส่งยาไปที่บ้าน นอกจากนี้ควรสอน asthma action plan คนไข้ทุกคน สามารถดูในแอปพลิเคชั่น asthma care application สามารถดาวน์โหลดได้ทั้ง ios และ android หรือ Line@AsthmaTalk 2. สำหรับโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) ให้คัดกรองโรคด้วยอาการ "จมูกไม่ได้กลิ่นหรือได้กลิ่นลดลง" เพราะว่าอาการจมูกไม่ได้กลิ่นพบได้บ่อยในคนที่ติดเชื้อโควิดมากกว่าคนปกติถึง 27 เท่า เมื่อเทียบกับคนไม่ได้ติดเชื้อ ซึ่งต่างจากไข้ที่เราตรวจคัดกรองทุกวันพบได้มากกว่าเพียง 2.
จำนวน 1 ชิ้น หน้ากากซิลิโคน สำหรับผู้ใหญ่ จำนวน 1 ชิ้น ***ผลิตภัณฑ์นี้มีไว้สำหรับการใช้งานของผู้ป่วยเท่านั้น***
อย่าลืมถอดปลั๊กแล้วถอดสายต่อและแยกถ้วยยากับท่อพ่น ล้างถ้วยยากับท่อพ่นด้วยน้ำสบู่อุ่นๆ จากนั้นล้างน้ำให้สะอาด เอาอุปกรณ์ไปผึ่งลมให้แห้งบนผ้าขนหนู เป็นขั้นตอนที่ต้องทำทุกครั้งหลังพ่นยาเสร็จ ไม่ต้องล้างสายต่อ เพราะถ้าสายเปียกต้องเปลี่ยนใหม่ และอย่าเอาส่วนไหนของเครื่อง nebulizer ไปล้างในเครื่องล้างจานเด็ดขาด เพราะความร้อนในเครื่องล้างจานจะทำให้พลาสติกบิดเบี้ยวได้ 4 ฆ่าเชื้อเครื่อง nebulizer อาทิตย์ละครั้ง.
ขอนแก่น กล่าวว่า ด้วยมาตรการทางการแพทย์ที่ต้องเข้มงวดในการรักษาผู้ป่วยในภาวะของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ รพ. ฯทุกแห่งต้องหลีกเลี่ยงการพ่นยาแบบละอองฝอย ในกลุ่มผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการพ่นยา ซึ่ง รพ. ขอนแก่น มีผู้ป่วยที่ต้องพ่นยาตามการรักษาด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ อยู่ที่ประมาณวันละ 200 ราย ดังนั้นเมื่อระบบเครื่องที่ติดตั้งอยู่ในอาคารรักษาหรือห้องตรวจต้องยุติการรักษาในระยะนี้ ทำให้การพ่นยาให้กับผู้ป่วยก็ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการมาใช้ในระบบการพ่นยาแบบพากพาแทน แต่ด้วยเครื่องดังกล่าวที่ รพ. ฯมีอยู่จำกัด จึงได้หารือร่วมกันกับสภาวิชาชีพแพทย์ และตรวจสอบอุปกรณ์การพ่นยาที่สามารถผลิตขึ้นเองได้ จนกลายมาเป็นที่มาของเครื่องพ่นยาแบบพกพาที่ขณะนี้ รพ. ฯหลายแห่ง นั้นนำวัสดุรีไซเคิลมาใช้ในการพ่นยาให้กับผู้ป่วยแล้ว "เครื่องพ่นยาแบบพกพานั้นขณะนี้ รพ. ฯได้ผลิตขึ้น 2 รูปแบบคือแบบที่มีระบบวาล์วเปิด-ปิด คือการใช้ขวดน้ำดื่ม 600 มิลลิลิตร มาตัดบริเวณก้นขวดออกในระดับความสูงประมาณ 10-15 ซม. เพื่อให้สามารถใส่แก้วกระดาษเข้าไปได้ โดยที่แก้วกระดาษนั้น บริเวณก้นแก้วและด้านข้างของแก้วจะติดตั้งระบบวาล์วที่ทำกระดาษแข็งเพื่อให้เกิดระบบปิดและระบบเปิดขณะพ่นยา โดยยาที่ใช้ในการรักษานั้นก็มีการปรับเปลี่ยนมาในรูปแบบขวดกดแทน ขณะที่เครื่องพ่นยาแบบที่ 2 นั้นคือใช้ในกลุ่มที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ คือเครื่องพ่นแบบต่อตรง ด้วยการนำแก้วพลาสติกที่มีความแข็ง มาเจาะรูตรงกันแก้วเพื่อให้ใส่ท่อกดของตัวยาได้ ขณะที่บริเวณปากแก้วก็มีการตกแต่งให้พอเหมาะกับใบหน้าหรือไม่ต้องตกแต่งก็ได้ ซึ่งระบบดังกล่าวนี้เป็นการพ่นตรงให้กับผู้ป่วยแบบไม่ต้องผ่านระบบวาล์ว" นพ.